Fauvism เป็นขบวนการศิลปะที่มีชีวิตชีวาและมีอิทธิพล ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อศิลปะสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของรูปแบบและเทคนิคการวาดภาพ
องค์ประกอบสำคัญของลัทธิโฟวิสม์:
1. สี : ศิลปินกลุ่มโฟวิสต์ใช้สีที่จัดจ้านและสดใส ซึ่งมักใช้ในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติ เพื่อแสดงอารมณ์และกระตุ้นภาพลักษณ์ที่เด่นชัด
2. แบบฟอร์มประยุกต์ : ลัทธิโฟวิสม์เน้นย้ำถึงการทำให้รูปทรงและรูปร่างเรียบง่ายขึ้น มักใช้สัดส่วนที่บิดเบี้ยวหรือเกินจริงเพื่อสร้างองค์ประกอบที่แสดงออก
3. อารมณ์และความเป็นธรรมชาติ : ภาพวาดแบบโฟวิสม์มีลักษณะพิเศษคือความรู้สึกของอารมณ์และความเป็นธรรมชาติ สะท้อนถึงการตอบสนองของศิลปินต่อเนื้อหาในทันที
4. งานพู่กัน : จิตรกรโฟวิสต์ใช้ฝีแปรงที่มองเห็นได้และการทำเครื่องหมายด้วยท่าทางแบบไดนามิกเพื่อถ่ายทอดพลังงานและการเคลื่อนไหวในงานของพวกเขา
อิทธิพลต่อศิลปะสมัยใหม่:
แนวทางที่กล้าหาญของโฟวิสม์ในด้านสี รูปแบบ และการแสดงออกมีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปะสมัยใหม่ในรูปแบบต่างๆ:
1. Expressionism : Fauvism ปูทางไปสู่การพัฒนาภาพวาด Expressionist ซึ่งยังให้ความสำคัญกับการแสดงออกทางอารมณ์และการใช้สีที่แหวกแนวอีกด้วย
2. ศิลปะนามธรรม : การเน้นรูปแบบที่เรียบง่ายและการใช้สีที่ไม่เป็นธรรมชาติในลัทธิโฟวิสม์ เป็นลางบอกเหตุของการเกิดขึ้นของขบวนการศิลปะนามธรรม เช่น ลัทธิคิวบิสม์ และลัทธิการแสดงออกทางนามธรรม
3. ทฤษฎีสี : Fauvism ท้าทายทฤษฎีสีแบบดั้งเดิมและสนับสนุนให้ศิลปินสำรวจศักยภาพในการแสดงออกของสี ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวที่เน้นสีในภายหลัง เช่น การวาดภาพ Color Field
4. การปลดปล่อยเทคนิค : ลัทธิโฟวิสม์ปลดปล่อยศิลปินจากการเป็นตัวแทนที่เข้มงวด ส่งเสริมการทดลองเกี่ยวกับรูปแบบ สี และงานพู่กัน ส่งผลต่อการพัฒนารูปแบบการวาดภาพสมัยใหม่ต่างๆ
โดยรวมแล้ว การใช้สีที่ชัดเจน รูปแบบที่เรียบง่าย และวิธีการแสดงออกของโฟวิสม์ได้ปฏิวัติศิลปะสมัยใหม่ โดยทิ้งมรดกที่ยั่งยืนไว้ในวิวัฒนาการของรูปแบบและเทคนิคการวาดภาพ